ขิง : GINGER

   ประโยชน์ของขิง มีดีไม่เบา ยิ่งถ้านำมาทำเป็นชาอุ่น ๆ จิบให้ชุ่มคอ ขอบอกให้รู้ว่าช่วยลดน้ำหนักได้ !

ขิงเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ทั้งเพื่อสุขภาพหรืออาหารการกินกันอย่างแพร่หลาย ด้วยกลิ่นที่ร้อนแรงเป็นเอกลักษณ์ และสรรพคุณทางยาที่มีมากมาย ไม่ว่าจะช่วยฆ่าเชื้อโรค หรือต้านการอักเสบ  ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม แม้แต่ในแพทย์แผนอายุรเวทที่มีประวัติศาสตร์กันมาอย่างยาวนานหลายพันปี ก็ยังมีการนำขิงมาใช้ และอีกสรรพคุณหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจไม่ทราบนั่นก็คือ การดื่มน้ำขิงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ! แถมถ้าดื่มทุกวันด้วยละก็ ยิ่งได้ประโยชน์มากมายหลายต่อเลย แต่ว่าน้ำขิงจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร และสูตรน้ำขิงลดน้ำหนักจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

มีผลการศึกษาของนักวิจัยชาวญี่ปุ่น L.K. Han ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Journal of the Pharmaceutical Society of Japan ในปี 2008 พบว่าขิงมีส่วนช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นกว่าปกติ จึงมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้น้ำขิงอุ่น ๆ ยังสามารถช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก รวมทั้งลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียด อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายบริโภคไขมันมากขึ้นจนทำให้น้ำหนักขึ้นนั่นเอง

ไม่เพียงเท่านั้น การดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ นอกจากจะได้ประโยชน์จากขิงแล้วก็ยังจะได้ประโยชน์จากน้ำอุ่นด้วย เพราะน้ำอุ่นจะเข้าไปทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และการจิบน้ำขิงบ่อย ๆ ก็ยังป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินพอดีได้อีก เรียกได้ว่ามีประโยชน์หลายทางเลย

Cr: health.kapook.com/view132529.html

Wheat grass

ประโยชน์ของ Wheat grass

ต้นอ่อนข้าวสาลี ที่เกิดจากการนำเมล็ดข้าวสาลีที่ยังจมูกข้าวอยู่ มาเพาะปลูกให้งอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อน พออายุประมาณ  7 วัน หรือสูงขึ้นมาประมาณ 1 คืบ

แล้วตัดต้นอ่อน โดยให้ห่างจากดินขึ้นมาประมาณ 1 cm. ป้องกันการปนเปื้อน มาล้างทำความสะอาด แล้วใช้เครื่องคั้นแบบมือหมุน หรือเครื่องคั้นผลไม้ที่มีความเร็วรอบต่ำๆ ก็จะได้ น้ำต้นอ่อนข้าวสาลี หรือ น้ำวีทกราส มาแทนกันแล้ว

ในน้ำสีเขียวเข้มของวีทกราสนี้ ประกอบด้วยสารอาหาร ที่ีมีประโยชน์หลายชนิด เช่น

  •  คลอโรฟิวล์ : ช่วยล้างพิษในเลือด ,ตับ , และในอวัยะต่างๆ  ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น มีแรง บรรเทาจากอาการอ่อนเพลียเพราะมีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่ายกายมากขึ้น
  • เอ็นไซด์ SOD : ต้านมะเร็ง เพราะเป็นตัวจับอนุมูลอิสระในร่ายการ (อนุมูลอิสระ เป็นสารประจุเดี๋ยว ที่ต้องหาอะไรมาจับเพื่อให้เสถียน ถ้าขาด SOD , อนุมูลอิสระนี้จะไปเกาะกับเชลล์แทน จนทำให้เซลล์บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นมะเร็งในที่สุด ที่เกิดขึ้น ,อนุมูลอิสระจะเกิด จากการเผาผลาญอาหารในร่ายกาย การได้รับมลพิษต่างๆ)
  • P4D1 : ป็นโปรตีน ที่ทำงานร่วมกับ เอ็นไซด์ SOD.
  • นอกจากนี้ยังประกอบด้วย เอ็นไซม์ที่มีชิวิต , วิตามิน , เกลือแร่ กรดอะมิโน อีกหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละตัวก็ได้ทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในน้ำวีทกราส

ชะเอม : ชะเอมเทศ : MULETHI : Liquorice

ชะเอมเทศกับความดันโลหิตสูง

 

 

ชะเอมเทศ (Glycyrrhiza glabra L.) หรือ Licorice เป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย สรรพคุณพื้นบ้านใช้รากเป็นยาขับเสมหะทำให้ชุ่มคอ แก้ไอ แก้น้ำลายเหนียว แก้คอแห้ง ขับลม แก้คัน บำรุงร่างกาย ขับเลือดเน่า และเจริญซึ่งหทัยวาตให้สดชื่น เนื่องจากรากของชะเอมเทศพบสารสำคัญคือสาร glycyrrhizin (หรือ glycyrrhizic acid หรือ glycyrrhizinic acid) และ 24-hydroxyglyrrhizin ซึ่งสารเหล่านี้ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 50 – 100 เท่า รากชะเอมจึงถูกนำไปแต่งรสอาหาร ปรุงยาสมุนไพร หรือใช้เป็นแต่งรสหวานในขนมและลูกอม

มีรายงานว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์จากชะเอมเทศติดต่อกันนานๆ มีผลต่อความดันโลหิต โดยพบรายงานในหญิงอายุ 31 ปีที่รับประทานฝรั่งจิ้มผงชะเอมเทศ (asam boi) ครั้งละน้อยๆ จนถึง 3 ช้อนโต๊ะ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 6 สัปดาห์ ชายสูงอายุวัย 70 ปี ที่รับประทานลูกอมชะเอมเทศวันละ 60 – 100 ก. (เม็ดละ 2.5 ก. พบ glycyrrhizic acid 0.3% ต่อเม็ด) ทุกวันเป็นเวลา 4 – 5 ปี หญิงสูงอายุที่รับประทานยาระบายที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศ วันละ 2 ครั้ง (ได้รับ glycyrrhizic acid 94 มก./วัน) และหญิง 2 รายที่รับประทานหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศติดต่อกันทุกวัน (รับประทาน glycyrrhizic acid เฉลี่ยวันละ 50 มก.) ทุกรายถูกนำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีค่าความดันโลหิตสูง (190 – 200/120 มม.ปรอท) ร่วมกับมีอาการปวดหัว อ่อนแรงตามข้อต่อ และเมื่อตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดพบว่า ทุกรายมีปริมาณโพแทสเซียมต่ำ (hypokalemia) เกิดภาวะ hypermineralocotiodism (ทำให้ระดับ aldosterone เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกักเก็บโซเดียมไว้มากขึ้น จนร่างกายมีน้ำเกิน เกิดอาการบวมและเพิ่มความดันโลหิต) และมีรายงานในอาสาสมัคร 37 คน ที่รับประทานยาสมุนไพรในประเทศญี่ปุ่น Shakuyaku-kanzo-To (SKT) หรือ Shosaiko-To (SST) ซึ่งส่วนผสมของชะเอมเทศขนาด 6 ก. และ 1.5 ก. ตามลำดับ พบว่ากลุ่มที่รับประทาน SKT เกิดภาวะ pseudoaldosteronism (ภาวะที่มีปริมาณฮอร์โมน aldoterone สูงกว่าปกติ) เฉลี่ยในวันที่ 35 หลังจากรับประทาน ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับ SST ผลจะแสดงออกในวันที่ 450 และเมื่อเทียบกับการรับประทานผลิตภัณฑ์อื่นจากชะเอมเทศที่มี glycyrrhizin พบว่าจะมีผลในวันที่ 210 โดยพบความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณ glycyrrhizin ว่ามีผลต่อการเกิด pseudoaldosteronism อย่างมีนัยสำคัญ และพบว่ากว่า 80% ของผู้ที่รับประทานSKT ติดต่อกันนาน 30 วัน มีผลโพแทสเซียมในเลือดต่ำเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี จึงอาจกล่าวได้ว่าผู้สูงอายุที่รับประทาน SKT เกิน 30 วัน เสี่ยงต่อการเกิดโพแทสเซียมในเลือดต่ำได้

การทดลองในอาสาสมัครสุขภาพดี 24 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่มให้ได้รับสารสกัดน้ำจากรากชะเอมเทศในปริมาณ glycyrrhizin ขนาด 108, 217, 308 และ 814 มก. ตามลำดับ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ ในอาสาสมัครกลุ่มที่ 1 และ 2 แต่พบว่าอาสาสมัครที่ได้รับ glycyrrhizin ขนาด 814 มก. (กลุ่มที่ 4) ปริมาณโพแทสเซียมในเลือดลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์แรกของการทดลอง และมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณ renin และ aldosterone ในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ 3 และ 4

จากรายงานและผลการทดลองข้างต้นแสดงให้เห็นว่าควรระมัดระวังการรับประทานชะเอมเทศในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง หรือมีภาวะโพแทสเซียมต่ำ และมีคำเตือนว่าไม่ควรใช้ชะเอมเทศในขนาดที่มากกว่า 50 ก./วัน เกินกว่า 6 สัปดาห์ จะทำให้เกิดการสะสมน้ำในร่างกาย เกิดการบวมที่มือและเท้า สารโซเดียมถูกขับได้น้อยลง ขณะที่สารโพแทสเซียมถูกขับมากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และไม่ควรใช้ชะเอมเทศร่วมกับยาขับปัสสาวะ (กลุ่ม thiazide) หรือยากลุ่ม cardiac glycosides เพราะชะเอมเทศจะมีผลทำให้สารโพแทสเซียมถูกขับออกมาขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะ spironolactone หรือ amiloride เพราะจะทำให้ประสิทธิผลการรักษาโรคความดันโลหิตลดลง

 

medplant.mahidol.ac.th/document/glycyrrhiza.asp

ประโยชน์ของ กระวานเทศ

กระวานเทศ สรรพคุณและประโยชน์ของกระวานเทศ 13 ข้อ !

กระวานเทศ

กระวาน หรือ กระวานเทศ ชื่อสามัญ Cardamom, True cardamom, Small cardamom

กระวานเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Elettaria cardamomum (L.) Maton (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amomum cardamomum L.) จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)[1],[2],[3]

สมุนไพรกระวานเทศ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กระวานแท้, กระวาน, กระวานขาว, ลูกเอล (Ela), ลูกเอน, ลูกเอ็น เป็นต้น[1] โดยมีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[2]

กระวานเทศ เป็นเครื่องเทศที่มีราคาสูงมาก มีราคาต่อหน่วยของน้ำหนักเป็นอันดับสามรองจากหญ้าฝรั่น (Saffron) และวานิลลา (Vanilla) ซึ่งในตลาดโลกมีการซื้อขายกระวานกันอยู่หลายชนิดจากหลาย ๆ ทวีป โดยชนิดที่มีคุณภาพดีที่สุด (แพงที่สุดด้วย) มีการซื้อขายกันมากที่สุดก็คือ กระวานเทศ (Cardamom) ซึ่งผลิตมาจากประเทศอินเดียและศรีลังกา ส่วนกระวานไทยนั้นจะมีคุณภาพรองลงมา แต่จะมีการนำมาใช้ทดแทนเมื่อกระวานเทศเกิดขาดแคลน หรือนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เน้นด้านคุณภาพมากนัก[3]

กระวานเทศ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ กลุ่มพันธุ์ผลเล็ก (E. cardamum var. cardamum) ผลมีขนาดยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ผลแห้งเป็นสีเหลือง นิยมปลูกกันส่วนมาก และกลุ่มพันธุ์ผลใหญ่ (E. cardamum var. major Thwaites) เป็นกระวานเทศป่าจากศรีลังกา ผลมีขนาดยาวประมาณ 2.5-5.5 เซนติเมตร ผลแห้งเป็นสีน้ำตาลเข้ม[3]

ลักษณะของกระวานเทศ

  • ต้นกระวานเทศ จัดเป็นไม้ล้มลุก มีอายุยาวหลายปี มีเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน ลำต้นเทียมมีความสูงประมาณ 1.5-5 เมตร ส่วนของต้นเกิดมาจากการรวมตัวกันของกาบใบที่เจริญขึ้นมาเหนือดิน จนมีลักษณะเป็นกอ ในแต่ละก้านจะมีใบอยู่ประมาณ 10-20 ใบ ทุกส่วนของลำต้นมีกลิ่นหอม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกกอ ซึ่งเป็นวิธีแบบไม่อาศัยเพศ และวิธีการเพาะกล้าจากเมล็ด มีการเพาะปลูกมากในประเทศอินเดีย ศรีลังกา แทนซาเนีย และกัวเตมาลา[1],[2],[3]
  • ใบกระวานเทศ มีใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็น 2 แถว ด้านหลังใบมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ส่วนท้องใบสีจะจางกว่า ลักษณะของใบเป็นรูปหอกแกมรูปแถบ[2],[3]
  • ดอกกระวานเทศ ช่อดอกออกจากเหง้าหรือบริเวณโคน มีความประมาณ 1-1.5 เมตร ทอดราบไปกับพื้นดิน ดอกมีสีขาวหรือสีเขียวอ่อน ส่วนลาเบลลัมเป็นสีขาวและประด้วยขีดสีม่วง[2]
  • ลูกกระวานเทศ หรือ ผลกระวานเทศ ผลมีลักษณะยาวรีเป็นรูปไข่ หัวท้ายแหลม ปลายผลจะงอนคล้ายกับจะงอยปากนก ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ผลแก่แห้งมีสีน้ำตาลเข้ม เมื่อนำมาตัดขวางภายในจะเห็นเป็น 3 ช่อง รอยตัดจะเป็นแบบสามเหลี่ยม มีกลิ่นเฉพาะตัว ผลเมื่อแก่จะแตกตามยาวออกเป็น 3 ส่วน ภายในผลมีเมล็ดมาก ในแต่ละผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 15-20 เมล็ด[1]
  • เมล็ดกระวานเทศ เมล็ดมีสีน้ำตาลอมดำอัดแก่นเป็นกลุ่มอยู่ภายในผล เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแบน แข็ง มีขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร มีเยื่อหุ้มเมล็ด โดยเมล็ดนั้นจะมีกลิ่นหอมฉุนและให้รสเผ็ดร้อน
  • ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระวานเทศ

    • มีการทดลองให้หนูกินสารสกัดเอทานอลที่ได้จากเมล็ดกระวานเทศในขนาด 0.3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา 7 วัน พบว่าเริ่มเกิดอาการพิษ ทำให้หนู (Mouse) มีน้ำหนักตัวที่ลดลง[1]
    • น้ำมันจากเมล็ด มีฤทธิ์ช่วยลดอาการเกร็งของลำไส้หนู โดยทำการทดลองด้วยวิธีการแยกลำไส้ของหนูออกมาทดสอบภายนอก[1]
    • การทดสอบฤทธิ์การยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เมื่อเหนี่ยวนำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนูด้วยเอทานอลพบว่า สารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ (ขนาด 50-100 มก./กก.) สามารถช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ 50% ส่วนสารสกัดเมทานอล (ขนาด 500 มก./กก.) จะช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ 70% แต่ถ้าเหนี่ยวนำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารด้วยยาแอสไพริน จะพบว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ (ขนาด 12.5 มก./กก.) จะช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ถึง 100% และถ้าหากให้ในขนาดที่มากกว่า 12.5 มก./กก. จะพบว่าการออกฤทธิ์นั้นดีกว่ายารักษาโรคกระเพาะอาหารมาตรฐานอย่างรานิทิดีน (Ranitidine) ที่ให้ในขนาด 50 มก./กก.[1]
    • ผลกระวานแห้งจะให้น้ำมันหอมระเหย (Essential oil) ประมาณ 3.5-7% ซึ่งน้ำมันหอมระเหยจะอยู่ภายในเมล็ดเป็นส่วนใหญ่ โดยน้ำมันนี้มีลักษณะเป็นน้ำสีเหลืองอ่อน ซึ่งองค์ประกอบส่วนใหญ่ในน้ำมันจะประกอบไปด้วย 1,8 cineol (20-60%), ?-caryophyllene, ?-pinene, ?-terpineol, ?-terpinyl acetate (20-53%), Geraniol, Geranyl acetate, Linalyl acetate, Limonene, Linalool, Myrcene, Nerol, Nerolidol, Sabinene, Terpinen-4-ol[1]
    • ประโยชน์ของกระวานเทศ

      1. ประโยชน์กระวานเทศ ผลและเมล็ดแห้งใช้เป็นเครื่องเทศหรือใช้แต่งกลิ่นอาหาร เช่น การนำมาแต่งกลิ่นน้ำพริกแกง แต่งกาแฟ กลิ่นเค้ก ขนมปัง เหล้า เครื่องดื่มแบบชาฝรั่ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ผสมในเครื่องหอมและใช้ในการแต่งกลิ่นสบู่ น้ำหอม ผงซักฟอก และนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยขับลม[2]
      2. ใช้ในการแต่งกลิ่นยาเตรียมหลายชนิด[1]
      References
      1. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “กระวานเทศ“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com.  [18 พ.ย. 2013].
      2. คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. กรีนไฮเปอร์มาร์ท สารานุกรมผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากพืชในซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉบับคอมพิวเตอร์.  “กระวานเทศ“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.sc.mahidol.ac.th.  [18 พ.ย. 2013].
      3. เครือข่ายระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  “กระวานและเร่ว“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: mis.agri.cmu.ac.th.  [18 พ.ย. 2013].

      ภาพประกอบ : www.flickr.com (by dinesh_valke, Aroma Assistant, twacar, jamyealexandra, Mohan_Suresh), เว็บไซต์วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, www.thaicrudedrug.com (by Sudarat Homhual)

      เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)

      advertisement M12
      แสดงความคิดเห็น
      • ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูล ความคิดเห็นของคุณอาจมีประโยชน์กับผู้อ่านท่านอื่น ๆ
      • เราแก้ไขข้อมูลอยู่เสมอ หากพบคำผิด ข้อมูลคลาดเคลื่อน/ไม่ถูกต้อง ฯลฯ โปรดแจ้งให้เราทราบ
      • เราตรวจสอบทุกความคิดเห็นตลอด 24 ชม. ความเห็นที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาจะไม่ได้รับการเผยแพร่และถูกระงับการแสดงความคิดเห็นอย่างถาวร
    • นำข้อมูมาจาก https://medthai.com/กระวานเทศ

cinnamom : ประโยชน์ของกระวาน

กระวาน สรรพคุณและประโยชน์ของกระวานไทย 37 ข้อ !

กระวาน ชื่อสามัญ Best cardamom, Camphor, Clustered cardamom, Siam cardamom

กระวาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Amomum verum Blackw. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amomum krervanh Pierre ex Gagnep.) จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)[1],[2]

สมุนไพรกระวาน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ปล้าก้อ (ปัตตานี), กระวานขาว (ภาคกลาง, ภาคตะวันออก), มะอี้ (ภาคเหนือ), ข่าโคก ข่าโค่ม หมากเนิ้ง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), กระวานไทย, กระวานดำ, กระวานแดง, กระวานจันทร์, กระวานโพธิสัตว์ เป็นต้น[1],[2]

กระวานจัดเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพง ที่ซื้อขายในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ

  • กระวานไทย หรือ กระวาน (Amomum krevanh) ผลจะมีลักษณะค่อนข้างกลม ปลูกมากในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย หมู่เกาะอินเดียตะวันตก สำหรับประเทศไทยแหล่งผลิตสำคัญจะเก็บได้จากตามป่าบริเวณเขาสอยดาว ในจังหวัดจันทบุรี หรือที่เรียกว่า “กระวานจันทบุรี” ซึ่งเป็นกระวานที่มีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการของตลาด และยังมาจากแหล่งอื่น ๆ ทางภาคใต้อีก เช่น กระวานสงขลา กระวานสุราษฎร์ธานี แต่จะมีคุณภาพต่ำกว่ากระวานจันทบุรี[3]
  • กระวานเทศ หรือ กระวานแท้ (Elettaria cardamomum) ผลมีลักษณะแบนรี ซึ่งแตกต่างจากกระวานไทย กระวานเทศนี้จะปลูกมากในประเทศอินเดีย ศรีลังกา แทนซาเนีย และกัวเตมาลา[3]

ลักษณะของกระวาน

  • ต้นกระวาน จัดเป็นไม้ล้มลุกมีเหง้า มีความสูงประมาณ 2 เมตร โดยมีกาบใบหุ้มซ้อนกันทำให้ดูคล้ายลำต้น โดยต้นกระวานมักขึ้นในที่ร่มหรือใต้ร่มไม้ที่มีความชื้นสูง หรือในที่ที่มีฝนตกชุกและอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 800 ฟุตขึ้นไป โดยมักจะพบขึ้นทั่วไปตามไหล่เขาในบริเวณป่าดงดิบ[1],[3]

ต้นกระวาน

  • ใบกระวาน ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบแคบและยาว เป็นรูปขอบขนาน มีความยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร ปลายใบแหลม[1]

ใบกระวาน

  • ดอกกระวาน ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกออกมาจากเหง้า ชูขึ้นขึ้นมาเหนือพื้นดิน เรียงสลับซ้อนกันตลอดช่อ ในซอกใบประดับจะมีดอกประมาณ 1-3 ดอก ปลายกลีบเลี้ยงมีหยัก 3 หยัก กลีบดอกมีสีเหลือง เป็นหลอดแคบ เกสรตัวผู้เป็นแบบไม่สมบูรณ์เพศ แปรสภาพเป็นกลีบขนาดใหญ่สีขาว มีแถบสีเหลืองอยู่ตรงกลาง[1]

ดอกกระวาน

  • ผลกระวาน หรือ ลูกกระวาน ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม ติดเป็นพวงราว 10-20 ผล ผลมีสีขาวนวล เปลือกผิวเกลี้ยง มองเห็นเป็นพู มี 3 พู ผลอ่อนมีขน ผิวเปลือกมีริ้วตามยาว เรียงตัวจากฐานไปสู่ยอด ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 6-15 มิลลิเมตร ทั้งหัวและท้ายผลมีจุก ผลจะร่วงไปเมื่อแก่ ผลแก่จะแตก มีเมล็ดอยู่ภายในจำนวนมาก แบ่งเป็น 3 กลุ่ม มีเมล็ดกลุ่มละประมาณ 12-18 เมล็ด

ผลกระวาน

  • เมล็ดกระวาน เมล็ดอ่อนมีสีขาวและมีเยื่อหุ้ม เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลไหม้ โดยทั้งผลและเมล็ดจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว คล้ายกับกลิ่นของการบูร มีรสเผ็ดและเย็น[1],[2]

ส่วนที่นำมาใช้เป็นยาสมุนไพร ได้แก่ ราก หัว และหน่อ เปลือกต้น แก่น กระพี้ เมล็ด ผลแก่ที่มีอายุประมาณ 4-5 ปี โดยจะเก็บผลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนมีนาคม [1]

สรรพคุณของกระวาน

  1. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (ผลแก่, ใบ, เปลือก, เมล็ด)[1],[2]
  2. ช่วยแก้ธาตุพิการ (เมล็ด)[1],[2] แก้ธาตุไม่ปกติ (ผลแก่)[2]
  3. ช่วยบำรุงกำลัง (ผลแก่, ใบ)[1],[2]
  4. ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ผลแก่)[1],[2] แก้อาการเบื่ออาหาร (ผลแก่)[2]
  5. ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย (กระพี้)[1]
  6. ช่วยขับโลหิต (ผลแก่)[1],[2] ช่วยฟอกโลหิต แก้โลหิตเน่าเสีย (ราก)[1] ช่วยรักษาโรคโลหิตเป็นพิษ (แก่น)[1]
  7. ช่วยแก้เสมหะให้ปิดธาตุ (ราก)[1] แก้ลมเสมหะให้ปิดธาตุ (ผลแก่, ใบ)[1],[2]
  8. ช่วยขับเสมหะ (ใบ, เปลือก, เมล็ด)[1],[2]
  9. แก้อาการสะอึก (ผลแก่)[2]
  10. ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน (ผลแก่)[2]
  11. ช่วยแก้ลม (ผล, ใบ, ราก)[1]
  12. กระวาน สรรพคุณช่วยแก้ลมในอกให้ปิดธาตุ (ผลแก่)[1],[2]
  13. ช่วยแก้ลมสันนิบาต สันนิบาตลูกนก (ผลแก่, ใบ)[1],[2]
  14. ช่วยแก้พิษร้าย (แก่น)[1]
  15. ช่วยแก้อาการผอมเหลือง (เปลือก)[1]
  16. ช่วยรักษาโรครำมะนาด (ผลแก่, ใบ, ราก)[1],[2]
  17. ช่วยแก้ไข้ (เปลือก)[1]
  18. ช่วยแก้ไข้เพื่อลม (ใบ)[1]
  19. สรรพคุณกระวาน ช่วยแก้ไข้อันเป็นอชินโรคและอชินธาตุ (เปลือก)[1]
  20. ช่วยแก้ไข้อันง่วงเหงา (ใบ, เปลือก)[1]
  21. แก้ไข้เซื่องซึม (ใบ)[1]
  22. ช่วยแก้อาการปวดท้อง (เมล็ด)[2]
  23. แก้ลมจุกเสียดแน่นเฟ้อ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ด้วยการใช้ผลกระวานแก่จัดประมาณ 6-10 ผล นำมาตากแห้งแล้วบดเป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 1-3 ช้อนชา ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว แล้วเคี่ยวจนเหลือครึ่งถ้วยแก้ว และนำมาใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว (ผลแก่, ใบ)[1],[2]
  24. แก้ลมในลำไส้ (ผลแก่)[2] ช่วยขับผายลมในลำไส้ (เมล็ด, ใบ)[1],[2] มีฤทธิ์ในการขับลม (Carminative) ด้วยการใช้ผลกระวานแก่จัดประมาณ 6-10 ผล นำมาตากแห้งแล้วบดเป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 1-3 ช้อนชา แล้วต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว แล้วเคี่ยวจนเหลือครึ่งถ้วยแก้ว และนำมาใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว (ผลแก่)[1],[2]
  25. ผลกระวานใช้ผสมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย เช่น มะขามแขก เพื่อใช้บรรเทาอาการไซ้ท้องหรืออาการคลื่นไส้อาเจียน (ผลแก่[1], เมล็ด[2])
  26. ช่วยแก้อุจจาระพิการ (เมล็ด)[1],[2]
  27. ช่วยแก้อัมพาต (ผลแก่)[2]
  28. ช่วยขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง (หัวและหน่อ)[1]
  29. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง (กระพี้, เปลือก)[1]
  30. ผลแก่มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม ประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหย (Essential oil) 5-9% มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด (ผลแก่)[1]
  31. สมุนไพรกระวาน เป็นส่วนประกอบในพิกัดยาไทย ได้แก่ ตำรับยา “พิกัดตรีธาตุ” ซึ่งประกอบไปด้วย กระวาน ดอกจันทน์ และอบเชย เป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณช่วยแก้ธาตุพิการ แก้ไข้ แก้ลม แก้เสมหะ และยังจัดอยู่ในตำรับยา “พิกัดตรีทุราวสา” อันประกอบไปด้วย ผลกระวาน ผลราชดัด ผลโหระพาเทศ ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณช่วยแก้ลม แก้เสมหะ แก้พิษตานซาง และช่วยบำรุงน้ำดี[2]
advertisement M11

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระวาน

  • มีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยสารสกัดน้ำ-เอทานอลมีผลกระตุ้นการดูดกลับของกลูโคส และช่วยเสริมฤทธิ์ของอินซูลิน[2]
  • สารในกลุ่มเทอร์ปีนและ Diterpene peroxide ที่แยกบริสุทธิ์จากสารสกัดเฮกเซน มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum[2]
  • ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้เล็ก โดยมีสารที่ออกฤทธิ์คือ Cineole[2]
  • น้ำมันหอมระเหยจากผลกระวานมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Pseudomonas aeruginosa[2]
  • น้ำมันหอมระเหย หรือ Essential oil 5-9% ประกอบไปด้วย 1,8-cineol, ?-bisabolol, ?-curcumene, ?-pinene, ?-santalol, ?-terpineol, Bornyl acetate, Camphor 22.5%, Car-3-ene, Cineol, Cinnamaldehyde, Cis-laceol, (E)-nuciferol, Farnesol isomer, Limonene, Linalool, Myrcene, P-cymene, Safrole, Santalol, Terpinen-4-ol, Thujone, (Z)-?-trans- bergamotol[2]

ลูกกระวาน

ประโยชน์ของกระวาน

  1. ประโยชน์กระวาน เหง้าอ่อนของกระวานใช้รับประทานเป็นผักได้ ให้กลิ่นหอมและมีรสเผ็ดเล็กน้อย[1]
  2. ผลแก่ของกระวานนำมาตากแห้ง สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเทศในการประกอบอาหารได้อย่างปลอดภัย[1],[2]
  3. เมล็ดมีกลิ่นหอม ใช้สำหรับแต่งกลิ่นขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ และยังช่วยแต่งกลิ่นและดับกลิ่นคาวของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย[3]
  4. กระวานไทยสามารถนำมาใช้ทดแทนกระวานเทศได้[3]
  5. มีการนำผลกระวานมาแปรรูปทำเป็นน้ำมันหอมระเหย โดยการกลั่นด้วยไอน้ำ โดยน้ำมันกระวานสามารถนำไปแต่งกลิ่นเหล้า หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมไปถึงยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมอีกด้วย[3]
  6. กระวานเป็นเครื่องเทศส่งออกของประเทศไทยที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละนับล้านบาท[3]

กระวาน

References
  1. สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กระวาน“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th.  [17 พ.ย. 2013].
  2. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “กระวานไทย“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com.  [17 พ.ย. 2013].
  3. สำนักงานเกษตร อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี.  “กระวาน“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: soidao.chanthaburi.doae.go.th.  [17 พ.ย. 2013].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Ahmad Fuad Morad), เว็บไซต์ thaicrudedrug.com (by Sudarat Homhual)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)

advertisement M12
แสดงความคิดเห็น
  • ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูล ความคิดเห็นของคุณอาจมีประโยชน์กับผู้อ่านท่านอื่น ๆ
  • เราแก้ไขข้อมูลอยู่เสมอ หากพบคำผิด ข้อมูลคลาดเคลื่อน/ไม่ถูกต้อง ฯลฯ โปรดแจ้งให้เราทราบ
  • เราตรวจสอบทุกความคิดเห็นตลอด 24 ชม. ความเห็นที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาจะไม่ได้รับการเผยแพร่และถูกระงับการแสดงความคิดเห็นอย่างถาวร

ประโยชน์ของ Flax seeds

ประโยชน์ของ flax seeds

เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) หรือเมล็ดจากต้นลินิน (Linseed) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Linum usitatissimum L. เป็นเมล็ดพืชที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีการค้นพบว่าเจ้าเมล็ดพืชชนิดนี้ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงบาบิโลนเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล และในศตวรรษที่ 8 ก็มีความเชื่อว่าเมล็ดแฟลกซ์นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงเป็นที่นิยมปลูกเพื่อนำมาบริโภคอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

flaxseeds

flaxseeds

เมล็ดแฟลกซ์มีลักษณะคล้ายเมล็ดงาแต่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วคนมักจะนิยมนำเมล็ดแฟลกซ์มาบดก่อนจะนำมารับประทาน เพราะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่อยู่ในเมล็ดได้ดีกว่าการรับประทานเป็นแบบเมล็ด หรือจะรับประทานเป็นแบบน้ำมันสกัด แต่ในน้ำมันสกัดอาจมีคุณค่าทางสารอาหารไม่เท่าแบบบด อย่างสารลิกแนนที่พบในเมล็ดแฟลกซ์แบบบด พอมาอยู่ในรูปน้ำมันสกัดจากเมล็ดแฟลกซ์ กลับพบว่าไม่มีสารลิกแนนอยู่ในน้ำมันสกัดนะคะ

 

flaxseed มีกรดไขมันชนิด omega-3 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นเดียวกับที่มีอยู่ใน fish oil, canola oil, walnuts, ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาแอนโชวี่ ปลาเทร้าต์ ปลาสเตอร์เจียน ปู กุ้ง หอยนางรม

คุณสมบัติเด่นของกรดไขมันชนิด omega-3 คือ การยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด และ ลด cell damage จากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อระบบเลือด เช่น
– ลดการเกิด heart attack ลงได้ 1 ใน 3
– ลดการอุดตันในหลอดเลือด
– ลดความดันโลหิตสูง
– ลดการเกิดข้ออักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้

นอกจากนี้ flaxseed ยังอุดมไปด้วย lignans ซึ่งมีมากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 75 เท่า โดย lignans มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย เช่น คุณสมบัติในการต้านมะเร็ง โดยได้มีการทดสอบในสัตว์ทดลองที่เป็นเนื้องอกในเต้านม ซึ่งกิน flaxseed พบว่าภายใน 7 อาทิตย์ เนื้องอกได้ฝ่อลง

Flaxseeds

Flaxseeds

สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ flaxseed คือ อุดมไปด้วยกากใยอาหาร (fiber) ซึ่งช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ที่อยู่ภายในลำไส้ และทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ซึ่งส่วนที่เป็นกากใยอาหารนี้ จะพบในเมล็ด flaxseed แต่ไม่พบใน flaxseed oil ชนิดแคปซูล

เกลือแร่พระพุทธเจ้า(Himalayan Salt) หรือเกลือสีชมพู

เกลือแร่พระพุทธเจ้า(Himalayan Salt) หรือเกลือสีชมพู

หิมาลัย

อาจ เรียกอีกชื่อว่าเกลือแขกหรือเกลือดำจากเทือกเขาหิมาลัยเกิดจากธรรมชาติเป็น เวลากว่า 250 ล้านปี มีแร่ธาตุต่าง ๆ 84 ชนิด หินเกลือสามารถปล่อยประจุลบ(Negative Ions)ซึ่งเรียกว่าวิตามินอากาศ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ  ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่าการใช้โคมไฟผลึกหินเกลือบริสุทธิ์  สามารถเพิ่มประจุลบ ในบรรยากาศได้มากถึง 300 %  “Dr.Albert P.Krueger”  นักจุลินทรีย์ และผู้เชี่ยวชาญวิชาอายุรเวชแห่งมหาวิทยาลัย California กล่าวว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์ที่จำนวนน้อยของประจุลบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และทำลายออกจากอากาศได้อย่างรวดเร็ว เกลือมหัศจรรย์นี้ได้สะสมพลังงานไอออนเมื่อในอดีตจากทะเลยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งพลังงานธรรมชาติเหล่านี้จะถูกปลดปล่อยอีกครั้งเมื่อถูกนำมาใช้
เกลือสีชมพู

ประโยชน์ของเกลือหิมาลัย

(1) ใช้ปรุงอาหาร
จะ มีประโยชน์มากกว่าเกลือแกง  เนื่องจากมีธาตุอาหารที่ร่างกายต้องการถึง 84 ชนิด ช่วยดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์,  รักษาสมดุลน้ำในร่างกาย, รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ,ควบคุมสมดุลต่างๆภายในเซลล์ ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง

salt-minerals

(2) ใช้เพื่อสุขภาพและความงาม
ลด รอยช้ำรอบดวงตา : ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อนครึ่งถ้วย จากนั้นใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือมาปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อยๆจางลง
ทำให้หน้ามันน้อยลง : ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน ต่อจากนั้นใส่น้ำลงในขวดสเปรย์ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนชา เขย่า ให้เกลือละลายแล้วฉีดเกลือใส่หน้าให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง
เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว : ผสม เกลือ 1/2 ถ้วยลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวซ้ำ เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยิ่งขึ้น
ขัดผิวให้สวยใส : โดย ใช้เกลือผงถูตัวแล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดตัวให้ทั่วช่วยให้เซลล์ผิว หนังที่ตายแล้วหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายด้วย
ผ่อนคลายอาการ เมื่อยล้าที่เท้า : ผสม เกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น นั่งแช่เท้าประมาณ 30 นาที วิธีนี้เหมาะกับคนที่เดินนาน ๆ รวมทั้งสาว ๆ ที่ต้องใส่ส้นสูงตลอดวัน

ประโยชน์ของกะเพรา (Tulsi) ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ ?

ประโยชน์ของกะเพรา (Tulsi) ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ ?

tulsi

กะเพราเป็นพืชพื้นเมืองของเขตร้อนในถิ่นโลกเก่า คือบริเวณเขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกา ทั้งที่จงใจปลูกและขึ้นเองตามธรรมชาติ การเพาะปลูกกะเพราเป็นไปเพื่อใช้งาน ทั้งด้านศาสนาและการแพทย์โดยใบกะเพราจะมีกลิ่นรสฉุนพิเศษ เนื่องมาจากมีสารเซสควิเทอร์พีน ชื่อบีตาคาร์โยฟิลลีน (ß-caryophyllene) ร้อยละ 30 และบีตาเอลิมีน (ß-elemene) นอกจากนี้ยังมีพรีนิลโพรพานอยด์หลายตัว ได้แก่เมทิลยูจีนอล (methyl eugenol) ร้อยละ 30 และเมทิลชาวิคอล (methylchavicol) ร้อยละ 10

การแพทย์อายุรเวทและศาสนาฮินดูมีการใช้กะเพรา มากว่า 5,000 ปี จัดเป็นราชินีสมุนไพร (Queen of Herb) ใช้ทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณ โดยกล่าวว่ากะเพรามีคุณสมบัติปรับธาตุ ช่วยภาวะสมดุลหลายกระบวนการของร่างกาย และช่วยให้เผชิญความเครียด ทั้งทางร่างกายและจิตใจได้ดีขึ้น และการแพทย์อายุรเวทเชื่อว่ากะเพราเป็นพืชที่ช่วยให้อายุยืน ใช้บรรเทาอาการหวัด ปวดศีรษะ อาการต่างๆ ของกระเพาะอาหาร อาการอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด ปรับสมดุลระบบภูมิต้านทาน บรรเทามาลาเรีย และขับสารพิษต่างๆ

ปัจจุบันสถาบันวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม ประเทศแคนาดา ได้สนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของกะเพราข้างต้นนี้แล้ว
โดยกระเพรานั่นมีคุณสมบัติต่างๆมากมายดังนี้
-มีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชัน(oxidation)

-มีฤทธิ์ลดความดันเลือด

-มีฤทธิ์ลดปริมาณไขมันในเลือดและปริมาณคอเลสเตอรอล ลดอัตราการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดคันได้Watch movie online The Transporter Refueled (2015)

-ฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจ

ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลกระเพาะอาหาร และลดการอักเสบ

-มีฤทธิ์ขับลม จุกเสียด

โดยผลิตภัณฑ์ที่เราคัดเลือกมาเพื่อลูกค้านั่น มั่นใจได้ว่า ทำมาจากสมุนไพร organic ที่ได้รับการรับรอง,เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนที่รักษาสุขภาพและต้องการลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ,gluten free, NON GMO Project Verified, Kosher and Halal Certified ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาให้ลูกค้านั่นมีคุณภาพและได้รับการยอมรับมาตรฐานสากล